ยูงทอง มีชื่อภาษาอังกฤษ ว่า
Schizolobium parahybum (Vell.) Blake
![]() |
ต้นยูงทอง |
ยูงทอง จัดได้ว่า เป็น หนึ่งใน พันธ์ไม้ ที่ ปัจจุบันนี้ กำลังอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธ์ เป็นอย่างมาก เนื่องจาก เดิมทีนั้น ต้นยูงทอง เป็น พรรณไม้ ที่ขึ้น ตาม พื้นที่ป่า กระจาย ตามภาค ต่างๆ ของประเทศไทย แต่ปัจจุบัน เนื่องจากปัญหา การบุกรุกพื้นที่ป่าของชาวบ้าน และ การเสื่อมของดิน ที่ รุนแรง ขึ้นทุกขณะ ทำให้ ต้น ยูงทอง ได้รับผลกระทบ ไปด้วย อย่างที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ลักษณะของต้น ยูงทอง เป็นไม้ต้น ผลัดใบ สูงถึง 40 เมตร ใบ ประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบย่อยรูปขอบขนาน กว้าง 0.5-1.5 ซม. ยาว 1.5-3.5 ซม. ช่อดอกยาวได้ถึง 90 ซม. ดอก สีเหลืองสด ผลิดอกเต็มต้นตอนทิ้งใบ กลีบเลี้ยงรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ยาว 1 ซม. กลีบดอกรูปช้อน 5 กลีบ ยาว 2-3 ซม. ฝัก รูปไข่กลับ กว้าง 3 ซม. ยาว 8-17 ซม.
ถิ่นกำเนิด และ พื้นที่ที่พบ ต้น ยูงทอง คือ มีถิ่นกำเนิดแถบอเมริกาถึงบราซิล
ยูงทอง มีชื่อวงศ์ คือ CAESALPINIACEAE
![]() |
ต้นประดู่ |
ชื่อวิทยาศาสตร์ Plerocarpus Indicus
ชื่อวงศ์ FABACEAE
ชื่อสามัญ Padauk
ชื่ออื่นๆ Burmese Rosewood, ประดู่ , ดู่บ้าน , สะโน (ภาคใต้)
ถิ่นกำเนิด ประเทศอินเดีย
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประวัติและข้อมูลทั่วไป
ประดู่เป็นพรรณไม้ของอินเดีย ชอบแสงแดดจัดดังนั้นจึงเห็นปลูกกันตามริมถนนใน กทม. ทั่วไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ประดู่เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีลำต้นสูงประมาณ 25 เมตร ใบจะออกรวมกันเป็นช่อ ลักษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม ถ้าขึ้นในที่แล้งจะผลัดใบก่อนออกดอก ดอกออกเป็นช่อมีสีเหลืองสดลักษณะคล้ายดอกถั่ว โคนกลีบเลี้ยงกลีบดอกติดกันเป็นกรวยโค้งเล็กน้อย กลีบดอกมี 5 กลีบ มีขนาดดอกเล็ก ขณะดอกย่อยบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาร 0.5- 1 ซม. ดอกบานไม่พร้อมกัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกที่ใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล ฤดูดอกบานอยู่ในช่วง เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม
การปลูกและดูแลรักษา
ประดู่เป็นไม้กลางแจ้งต้องการแสงแดดจัด ความชื้นสูง ต้องการน้ำปานกลาง สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด แต่จะให้ดีควรเป็นดินร่วนซุย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น